น้ำมันเกียร์ คืออะไร สำคัญยังไง รู้ไว้ก่อนรถจะพัง

0
197

น้ำมันเกียร์ เป็นหนึ่งในน้ำมันหล่อลื่นของรถ ที่จะทำให้เกียร์ทำงานได้อย่างไหลลื่น ช่วยลดการสั่นสะเทือนในเรือนเกียร์ เครื่องยนต์ไม่สะดุด หรือเกิดเสียงดังเวลาเปลี่ยนเกียร์ ทำให้รถมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพราะตลอดเวลาที่ขับขี่เกียร์ต้องรับแรงเสียดทานตลอดเวลา อีกทั้งยังมีกลไกการทำงานที่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังช่วยล้างเศษโลหะที่เกิดจากการเสียดสีบริเวณหน้าฟันเกียร์ รวมไปถึงป้องกันการเกิดสนิมบริเวณเกียร์ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น

น้ำมันเกียร์

การเปลี่ยนถ่าย

รถที่ใช้ตามท้องถนนในปัจจุบันจะมีระบบเกียร์อยู่ 2 แบบคือเกียร์ธรรมดา กับเกียร์ออโต้ ระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันจะแตกต่างกันออกไปโดยมีการแนะนำว่าเกียร์ธรรมดาควรเปลี่ยนเมื่อได้ระยะ 40,000 – 60,000 กิโลเมตร เกียร์ออโต้ จะอยู่ที่ประมาณ 30,000-40,000 กิโลเมตร แต่เพื่อความแน่ใจควรเปลี่ยนตามระยะที่คู่มือรถกำหนดจะดีที่สุด

ความแตกต่างระหว่างน้ำมันเกียร์ออโต้ กับเกียร์ธรรมดา

ความแตกต่างของน้ำมันเกียร์ทั้งสองแบบที่ชัดเจนที่สุดก็อยู่ที่ความหนืดโดยเกียร์ธรรมดาจะมีความหนืดสูงกว่า เพราะตอนเปลี่ยนเกียร์จะเสียดสีมากกว่า ส่วนเกียร์ออโต้นั้นจะหนืดน้อยกว่า เพราะจะช่วยให้เข้าถึงชิ้นส่วนเล็ก ๆ เยอะแยะมากมายได้ดี ดังนั้นหากนำไปใช้แทนกันรับรองว่าพังอย่างแน่นอน

แล้วทำไมน้ำมันเกียร์ถึงเสื่อมสภาพ

การเสื่อมสภาพมาจากหลายสาเหตุไม่ว่าพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่ทะนุถนอม การเปลี่ยนถ่ายไม่เป็นไปตามระยะที่กำหนด การใช้น้ำมันเกียร์ไม่ตรงรุ่น หรือมีคุณภาพต่ำ การเลือกใช้น้ำมันเกียร์ควรเลือกให้ตรงรุ่น และระบบเกียร์ หากเลือกใช้น้ำมันเกียร์ราคาถูกก็อาจเจอกับปัญหาน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพเร็วได้ โดยอาจจะมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น

หากเข้าเกียร์ D หรือเกียร์ R จะรู้สึกสะดุด จะมีอาการกระตุก หากเปลี่ยนเกียร์รถจะไม่พุ่งออกไปทันที สาเหตุมาจากความหนืดของน้ำมันเกียร์ ทำให้ระบบการทำงานของเกียร์เกิดความล่าช้า การเปลี่ยนเกียร์ไม่ไหลลื่น ไม่เป็นปกติเหมือนเดิม มีเสียงติด ๆ ขัด ๆ รู้สึกว่าเปลี่ยนเกียร์เร็วหรือช้าไป รถกินน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม สาเหตุก็มาจากเครื่องยนต์กับเกียร์ทำงานร่วมกันไม่มีประสิทธิภาพมากพอ

ในท้องตลาดบ้านเรามีน้ำมันเกียร์ ให้เลือกใช้มากมายให้เลือกใช้ แต่การเลือกใช้ให้ถูกต้องตรงตามประเภท บางยี่ห้อก็ต้องเลือกให้ตรงรุ่น จะช่วยให้การขับขี่ไหลลื่น เต็มสมรรถนะ ดังนั้นควรอ่านศึกษาคู่มือรถอย่างละเอียด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น หากไม่แน่ใจทางที่ดีควรนำไปเปลี่ยน และตรวจเช็คกับศูนย์จะดีที่สุด ซึ่งน้ำมันเกียร์ถือว่าไม่ได้มีราคาสูง แต่หากปล่อยปละละเลย ก็อาจจะต้องเสียเงินซ่อมหลักแสน ทำให้เข้าข่าย “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” ก็เป็นได้