อยู่ไฟหลังคลอด ในปัจจุบันยังจำเป็นอยู่หรือไม่

0
204

อยู่ไฟหลังคลอด เป็นการรักษาคุณแม่หลังคลอดตามแบบแพทย์แผนไทยที่ทำกันมาตั้งแต่โบราณ โดยเชื่อว่าจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว มีสุขภาพแข็งแรง มดลูกเข้าอู่ ขับน้ำคาวปลา เลือดลมไหลเวียนเป็นปกติ

อยู่ไฟหลังคลอด

แต่อย่างไรก็ตามในสมัยก่อนไม่ได้พัฒนาเหมือนปัจจุบัน หมอที่ทำคลอดก็ไม่ได้เย็บปิดปากแผลช่องคลอด การที่จะให้แผลหายเร็วที่สุดก็ให้คุณแม่นอนอยู่นิ่ง ๆ ซึ่งก็ส่งผลร่างกายอ่อนเพลีย ล้า จึงมีการก่อไฟไว้ใกล้เตียง มีคนคอยเฝ้าไม่ให้ไฟร้อนเกิน หรือเบาเกินไป และปิดประตูหน้าต่าง เพราะเชื่อกันว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี ทำให้รู้สึกสบายตัว คลายความปวดเมื่อย

ส่วนระยะเวลาการอยู่ไฟส่วนใหญ่ก็ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เมื่ออยู่ครบก็ต้องดื่มน้ำอุ่น อาบน้ำร้อน และห้ามกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ รวมไปถึงไข่ กินได้เฉพาะข้าวเปล่า ๆ กับเกลือ หรือปลาเค็ม เพราะเชื่อว่าความเค็มจะทดแทนเหงื่อที่เสียไปในช่วงที่อยู่ไฟ

แต่ในปัจจุบันการอยู่ไฟหลังคลอด แบบสมัยก่อนนั้นแทบไม่มีให้เห็นแล้ว เพราะหากเอาหลักการแพทย์สมัยใหม่มาเปรียบเทียบ การอยู่ไฟแบบโบราณมีหลายอย่างไม่สมเหตุผล เช่นข้อห้ามการทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์หรือไข่ ที่จะไปช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอทำให้แผลหายเร็วขึ้น และคุณแม่ควรได้ทานอาหารครบหมู่ เพื่อที่ร่างกายจะได้แข็งแรงฟื้นตัวเร็ว และผลิตน้ำนมได้มากขึ้น รวมไปถึงการก่อไฟไว้ใกล้เตียงโดยปิดประตูหน้าต่าง ที่อาจจะทำให้ต้องสูดเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เหมือนการรมควันตัวเอง ก็อาจจะตายก่อนที่ร่างกายจะได้ฟื้นตัว

ซึ่งในการแพทย์ยุคปัจจุบัน ที่ก่อนคลอดหมอจะฉีดยา “ออกซิโทซิน” หรือยาเร่งคลอด ที่จะทำให้หลังคลอดมดลูกบีบตัวลง และมีกี่เย็บแผลคลอด จึงหมดกังวลว่ามดลูกจะไม่เข้าอู่ จึงทำให้การอยู่ไฟหลังคลอดไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นอีกต่อไปซึ่งก็ได้รับการยืนยันจากกรมอนามัย และในต่างประเทศก็ไม่พบว่ามีการอยู่ไฟด้วยเช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้การอยู่ไฟหลังคลอดอาจจะไม่จำเป็นแต่หากใครอยากทำก็สามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นการคลอด แบบทำธรรมชาติหรือผ่าคลอด แต่ควรทำตามศาสตร์ของแพทย์แผนไทยสมัยใหม่ มีการปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นโดยจะอยู่ไฟเพียงแค่ประมาณ 5-10วัน วันละไม่กี่ชั่วโมงโดยจะเป็นการนวดประคบสมุนไพร ทับหม้อเกลือ และอบสมุนไพร ก่อนจะทำควรปรึกษาแพทย์ ควรเลือกสถานบริการที่มีใบอนุญาตถูกต้องมีน่าเชื่อถือเพื่อความปลอดภัย และมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย