ฉีดโบท๊อกซ์ เป็นวิธีลบริ้วรอย และช่วยกระชับผิวหนังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ที่สาเหตุอาจจะเกิดจากการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ เช่นหน้าผาก รอยตีนกา ริ้วรอยรอบดวงตา ปาก ลำคอ รวมไปถึงฉีดเพื่อยกคิ้วขึ้น ทำให้ตาดูโตขึ้น แลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น และลดขนาดของกล้ามส่วนต่าง ๆ เช่น น่องและกราม ปรับรูปหน้าให้ดูเรียว ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ และเป็นวิธีที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 7 วันเท่านั้น
โบท๊อกซ์เป็นโปรตีนที่สกัดมาจากการสร้างของแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม” ที่เป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่หากร่างกายได้รับในปริมาณที่พอเหมาะจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดี จึงถูกนำมารักษาโรคตาเข จนกระทั่งถูกพัฒนามาใช้ช่วยลดริ้วรอย และกระชับผิวหนังให้เต่งตึง
โดยหลังจากที่ฉีดโบท๊อกซ์ จะทำให้เซลล์ประสาทในบริเวณที่ถูกฉีดอ่อนแรงลงชั่วคลาว เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัวลง ทำให้ผู้ที่มีริ้วรอยตื้น ๆ จะเต่งตึงได้ภายใน 3 วัน ส่วนผู้ที่มีริ้วรอยลึก จะเห็นผลไม่เกิน 2 สัปดาห์ โดยจะมีผลลัพธ์นานประมาณ 8 เดือน หลังจากนั้นริ้วรอยต่าง ๆ ก็จะกลับมาสู่สภาพเดิม
ส่วนข้อควรปฏิบัติหลังจากโบท๊อกซ์เสร็จแล้วในช่วง 2 สัปดาห์แรก (อย่างน้อย ๆ ก็ 2 วันหลังฉีด) ก็คือห้ามทำอะไรก็ตามที่จะทำให้หน้าแดง ห้ามเข้าใกล้ความร้อนทุกชนิด ไม่ว่าจะทำกับข้าว, ตากแดด, อาบน้ำร้อน, เข้าซาวน่า, กินหมูกระทะ ชาบู ปิ้งย่าง, ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด บุหรี่ รวมไปถึงอาหารหมักดอง เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง อาหารรสเผ็ด ที่อาจจะเผ็ดร้อนจนหน้าแดงได้
หลังจากที่ฉีดโบท๊อกซ์ผ่านไปครบ 2 สัปดาห์แล้ว ข้อห้ามเหล่านี้จะทำให้อายุของโบท็อกลดลงบ้างแต่ก็ไม่มาก ยกเว้นการเข้าซาวน่า และเลเซอร์ร้อน ที่จะส่งผลมากที่สุด
หลังจากทำโบท๊อกเสร็จอาจจะมีผลข้างเคียงบ้างเช่น ปวดบริเวณที่ฉีด หรืออาจจะมีปัญหาเรื่องการทานอาหารเช่นการเคี้ยวที่ลำบาก โดยเฉพาะอาหารที่แข็งและเหนียว นั่นก็เป็นเพราะกล้ามเนื้อในส่วนนั้นมีความหนืดเพิ่มขี้น แต่ไม่นานก็จะค่อย ๆ จะหายไปเอง
การ ฉีดโบท๊อกซ์ ถึงแม้จะเป็นวิธีลดริ้วรอย กระชับ และปรับรูปใบหน้า ให้ดูสวย เต่งตึงได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่หากจะฉีดก็ต้องเลือกคลินิก ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ ควรขอดูใบอนุญาตให้แน่ชัด เพราะหากผิดพลาด จะแก้ไขลำบาก ส่งผลให้หน้าพัง รวมไปถึงอาจจะไม่มีคนรับผิดชอบอีกด้วย